ด้วย 1 ประตูของเวส บราวน์ และอีก 2 ประตูของปีกทีมชาติโปรตุเกสทั้ง 2 คน ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะทีมคู่รักคู่แค้นอย่างลิเวอร์พูล ไปได้อย่างสวยงาม 3 – 0
แม้ว่าในตอนนี้ฟอร์มการเล่นของผู้เล่นแนวรุกของทั้ง 2 ทีมจะยอดเยี่ยมมาก แต่ผู้ที่ทำประตูแรกในเกมนี้กลับเป็นเวส บราวน์ กองหลังของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเกมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การตัดสินของผู้ตัดสิน อย่างเกมในสัปดาห์ที่แล้วระหว่างเชลซี กับสเปอร์ส ก็มีเหตุการณ์ระหว่าง แอชลี่ย์ โคล กับ ไมค์ ไรลี่ย์ ส่วนในเกมนี้ก็เป็นเหตุการณ์ระหว่าง มาสเคราโน่ กับผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเนตต์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่านักฟุตบอลระดับมืออาชีพอย่าง มาสเคราโน่ มิดฟิลด์ฮาร์ดแมนของลิเวอร์พูล จะไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้ขนาดนี้ และนั่นก็ทำให้เขาได้ใบเหลืองที่สองต้องออกจากสนามไปตั้งแต่ครึ่งแรก
เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่ง 3 มิดฟิลด์ลงเล่นคือ ไมเคิล คาร์ริค, พอล สโคลส์ และแอนเดอร์สัน และดาวรุ่งชาวบราซิลผู้นี้ก็เปิดโอกาสแรกให้แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่นาทีที่ 6 จากการเปิดบอลของเขาให้กับเวย์น รูนี่ย์ ผ่าน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไปได้แต่ก็ไม่ผ่าน เรน่า ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล ที่สามารถบล็อคไว้ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ตลอดครึ่งแรก และใบเหลืองแรกของเกมก็ตกเป็นของ มาสเคราโน่ จากการที่เขาพุ่งเข้าเสียบสกัดพอล สโคลส์ ในนาทีที่ 10
จากนั้นอีก 2 นาทีลิเวอร์พูล ก็ได้โอกาสยิงครั้งแรกจาก ออเรลิโอ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 24 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกฟรีคิก และไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่เปิดฟรีคิกเข้ากลาง บอลไปเข้าทางโรนัลโด้ ได้ยิงแต่บอลไปชนคานกระดอนออกมา และ เรน่า ก็รับไว้ได้
อีก 2 นาทีถัดมา สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ยิงจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลไปโดนตัว เนมานย่า วิดิช เปลี่ยนทางออกไป
เกมมาถึงนาทีที่ 34 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ เมื่อพวกเขาได้โต้กลับเร็ว และแอนเดอร์สัน เปิดบอลทะลุช่องให้รูนี่ย์ ได้เปิดจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง เวส บราวน์ กระโดดขึ้นโหม่งบอลเข้าประตูไป ในขณะที่ เรน่า ออกมาชกบอลแต่กลับไม่โดนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1 – 0
นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูล ก็ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ในจังหวะที่ตอร์เรสเข้าสกัดริโอ เฟอร์ดินานด์ และไม่พอใจผู้ตัดสินทำให้เขาได้ใบเหลืองไปจากการไม่ยอมรับคำตัดสิน แต่แล้ว มาสเคราโน่ กลับพุ่งเข้ามาต่อว่าผู้ตัดสินด้วยคำพูดหยาบคาย ทำให้ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองที่สองกับเขา กลายเป็นใบแดงต้องออกจากสนามไป และดูเหมือน มาสเคราโน่ จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แม้เพื่อนในทีมจะเข้ามาห้ามไว้ก็ยังไม่ได้ ร้อนถึง ราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมต้องลงมาพูดกับเขาให้สงบสติอารมณ์ยอมรับคำตัดสิน และออกจากสนามไป
เริ่มครึ่งหลังได้แค่ 1 นาที เรน่า ก็ต้องออกแรงป้องกันลูกยิงของโรนัลโด้ อีก 1 นาทีถัดมา ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ต้องออกแรงป้องกันลูกยิงของ เจอร์ราร์ด เช่นกัน
นาทีที่ 53 อาร์เบลัว ก็เป็นคนแรกที่ได้ใบเหลืองในช่วงครึ่งหลัง จากการเข้าสกัดแอนเดอร์สัน ล้มลงตรงกรอบเขตโทษพอดี ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกฟรีคิก โรนัลโด้รับหน้าที่ยิงฟรีคิกตามเดิม แต่ครั้งนี้บอลไม่โค้งเข้าหาประตู แต่กลับพุ่งตรง และเฉี่ยวเสาออกไป
แม้จะมีตัวผู้เล่นที่น้อยกว่า แต่ลิเวอร์พูลก็ยังมีเกมบุกที่หวาดเสียว และนั่นก็สามารถเรียกใบเหลืองจากริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้ จากจังหวะที่เขาเข้าสกัดตอร์เรสล้มลง ในนาทีที่ 60
แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวผู้เล่นในนาทีที่ 73 พร้อมกัน 2 คนโดยส่ง คาร์ลอส เตเบซ ลงเล่นแทนแอนเดอร์สัน และนานี่ ลงเล่นแทนกิ๊กส์
และหลังจากลงสนามได้เพียง 5 นาที นานี่ ก็ได้เตะมุมให้กับโรนัลโด้ ได้โหม่งเข้าประตูไป เป็นประตูที่ 34 ของโรนัลโด้ในฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 – 0
อีก 2 นาทีถัดมา นานี่ก็สามารถทำประตูให้ตัวเองได้ เมื่อเขาได้บอลจากรูนี่ย์ และเลี้ยงตัดเข้ากลางก่อนที่จะได้ยิงจากระยะ 18 หลาบอลพุ่งผ่าน เรน่า เข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 3 – 0
หลังจากได้ประตูที่ 3 เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มก้องโอลด์ แทรฟฟอร์ด และจบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดบ้านเอาชนะลิเวอร์พูล มาได้อย่างสวยหรู 3 – 0 เก็บ 3 คะแนน และยังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไป (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น.60)
เวส บราวน์ 6 ( น.34)
ปาทริซ เอฟร่า 3
เนมานย่า วิดิช 15
ไมเคิล คาร์ริค 16
ไรอัน กิ๊กส์ 11
พอล สโคลส์ 18
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น.79)
แอนเดอร์สัน 8
เวย์น รูนี่ย์ 10
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
จอห์น โอเชีย 22
โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 4
หลุยส์ นานี่ 17 ( น.81)น.73 ไรอัน กิ๊กส์ 11
คาร์ลอส เตเบซ 32 น.73 แอนเดอร์สัน 8
ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า 25
เจมี่ คาร์ราเกอร์ 23
ฟาบิโอ ออเรลิโอ 12
อัลบาโร่ อาร์เบลัว 17 ( น.53)
มาร์ติน สเคอร์เทล 37
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8
ซาบี้ อลอนโซ่ 14
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 20 ( น.11)( น.44)
เดิร์ก เคาท์ 18
เฟอร์นานโด ตอร์เรส 9 ( น.44)
ไรอัน บาเบล 19
สำรอง
ชาร์เลส อิตองเฌ่ 30
ปีเตอร์ เคร้าช์ 15
ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6 น.82 เฟอร์นานโด ตอร์เรส 9
ซามี่ ฮูเปีย 4
ยอสซี่ เบนายูน 11 น.66 ไรอัน บาเบล 19
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 3, ยิงตรงกรอบ 10, ยิงหลุดกรอบ 7, โดนบล็อค 7, เตะมุม 2, ฟาวล์ 11, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 1, การครองบอล 65.8%
ลิเวอร์พูล ประตู 0, ยิงตรงกรอบ 1, ยิงหลุดกรอบ 5, โดนบล็อค 2, เตะมุม 4, ฟาวล์ 12, ใบเหลือง 2, ใบแดง 1, การครองบอล 34.2%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เวส บราวน์ 6, ปาทริซ เอฟร่า 7, เนมานย่า วิดิช 7, ไมเคิล คาร์ริค 6, ไรอัน กิ๊กส์ 6, พอล สโคลส์ 8, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, แอนเดอร์สัน 7, เวย์น รูนี่ย์ 7
สำรอง หลุยส์ นานี่ 7, คาร์ลอส เตเบซ 5
ลิเวอร์พูล โฆเซ่ เรน่า 4, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6, ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6, อัลบาโร่ อาร์เบลัว 5, มาร์ติน สเคอร์เทล 5, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6, ซาบี้ อลอนโซ่ 5, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 4, เดิร์ก เคาท์ 5, เฟอร์นานโด ตอร์เรส 5, ไรอัน บาเบล 5
สำรอง ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6, ยอสซี่ เบนายูน 5
Por